11 กุมภาพันธ์ 2552
เชิญฟังสัมมนา "เสี่ยวโจวเทียน" ฟรี
ขอเรียนเชิญสมาชิกชี่กงทุกท่านที่สนใจวิชาเสี่ยวโจวเทียน เข้าร่วมการสัมมนา “แนะนำเสี่ยวโจวเทียน” โดย อาจารย์หยาง เผยเซิน ในวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2552 เวลา 9.00 – 11.00 น. ณ ศูนย์ชี่กง เพื่อสุขภาพ ถนนทรัพย์ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น พร้อมอาหารว่าง และเอกสาร
เสี่ยวโจวเทียน เป็นคัมภีร์ล้ำค่าของสำนักเต๋าที่มีประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี เป็นวิชาที่ฝึกพลัง (ปราณ) ให้ขับเคลื่อนไปยังจุดสำคัญในร่างกายเพื่อปรับความสมดุลของพลังหยิน-หยาง สร้างภูมิต้านทานให้เกิดขึ้นทำให้ร่างกายสามารถบรรเทาโรคเรื้อรัง เช่น โรคเก๊า โรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ไมเกรน ปวดเมื่อยตามข้อกระดูกฯลฯ หากมีการฝึกอย่างต่อเนื่องจะสามารถขจัดโรคต่างๆ ได้
นอกจากนี้ การฝึกเสี่ยวโจวเทียนยังสามารถย้อนวัยของผู้ฝึก เนื่องจากผลการฝึกสามารถกระตุ้นต่อมฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ผู้ฝึกสามารถคงความเป็นหนุ่มสาว ตามตำราโบราณได้บันทึกว่า หากฝึกจนถึงขั้นกำเนิดพลัง 100 ครั้งอายุจะย้อนวัยได้ถึง 8 ปี การฝึกเป็นประจำ จะทำให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงใบหน้าสดใส และดูอ่อนกว่าวัยอย่างชัดเจน
ด่วน! สามารถสำรองที่นั่งก่อนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ชี่กงเพื่อสุขภาพ โทร. 02-637-0121-2
รับจำนวนจำกัด (ฟรีตลอดงาน)
จาก http://www.qigongthai.com/index.php?name=news&file=readnews&id=35
09 กุมภาพันธ์ 2552
บันทึกเสียวโจวเทียนสัญจร วันที่ 20-22 ธันวาคม 2551
นี่เป็นบทความที่ผมเขียนลงจดหมายข่าวของชมรมชี่กง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ครับ ซึ่งเป็นบันทึกประสบการณ์ของการฝึกเสี่ยวโจวเทียนนอกสถานที่ ในวันที่ 20-22 ธันวาคม 2551
ในวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม ผมได้นัดกับคุณสมพิชัยเพื่อเดินทางไปคุ้มหม่อมไฉไล จังหวัดกาญจนบุรี โดยขับรถไปกันเอง เนื่องจากที่นั่งในรถบัสเต็มไปหมดแล้ว พวกเราได้ไปถึงสถานที่ประมาณบ่ายโมงกว่า ก็พบว่ารถบัสใหญ่ก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน และทานอาหารกลางวันกันเสร็จเกือบหมดแล้ว พวกผมสองคนจึงเข้าไปทานอาหารกลางวัน ซึ่งบรรยากาศของคุ้มหม่อมไฉไลร่มรื่นมาก มีสภาพเป็นป่า และช่วงนั้นอากาศเย็นสบายมาก
หลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ผมก็ไปรับกุญแจห้อง ปรากฏว่า ห้องของผมสองคนอยู่ไกลที่สุด ต้องเดินขึ้นไปบนเขา แต่ห้องพักของเราก็น่าอยู่มาก ระหว่างนั้น พวกเราก็เดินสำรวจห้องของแต่ละคน ก็พบว่าห้องของแต่ละคนจะมีรูปแบบไม่เหมือนกันเลย แต่ก็ร่มรื่นน่าอยู่
ในช่วงบ่าย พวกเราก็เข้าห้องเรียนเป็นเด็กนักเรียนของเหล่าซือ ผมสังเกตว่ามีผู้ที่เข้าอบรมครั้งนี้ประมาณ 70-80 คน และเคยถามคุณกิ๊บก่อนหน้านี้ ก็ได้ทราบว่าเราได้เหมาจองห้องพักทั้งหมดไว้ ดังนั้นที่คุ้มหม่อมไฉไลจะมีแต่พวกเราเท่านั้น จากนั้นเหล่าซือก็ได้สอนเสี่ยวโจวเทียนในขั้นต่าง ๆ พักทานอาหารว่าง เรียนต่อ และทานอาหารเย็น โดยเหล่าซือนัดพวกเราให้มานั่งฝึกเสี่ยวโจวเทียนตอนกลางคืน ซึ่งในคืนวันเสาร์ พวกเราก็นั่งตั้งแต่ห้าทุ่มจนถึงประมาณตีหนึ่ง นี่เป็นการนั่งสมาธิเสี่ยวโจวเทียนที่นานที่สุดและดึกที่สุดเท่าที่ผมเคยนั่ง หลังจากเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้น(วันอาทิตย์) ทั้งผมและคุณสมพิชัยต่างตื่นสายโดยมิได้นัดหมาย เพราะเราต่างคิดว่า ควรพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อจะได้ฝึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรากฏว่า เมื่อเดินเข้าไปในห้องเรียนประมาณ 10 โมงกว่า ทุกคนเลยทราบว่าทั้งคุณสมพิชัยและผมต่างมาสายทั้งคู่ แฮะ แฮะ ไม่เป็นไรครับ จากนั้นก็เรียนและฝึกเหมือนเดิม โดยวันนี้อาหารว่างพิเศษคือบัวลอย ซึ่งบัวลอยของที่นี่อร่อยมากครับ ทุกคนต่างติดใจกันทั้งนั้น ระหว่างที่ทานอาหารว่าง พวกเราก็คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน หรือทำความรู้จักกัน ผมยังไม่เคยพบหลายท่านมาก่อน ก็เลยทราบว่าท่านเหล่านั้นเรียนเสี่ยวโจวเทียนในวันอังคารเช้า เพราะผมเรียนเสี่ยวโจวเทียนในวันอังคารเย็น
ในเย็นวันอาทิตย์นี้ มีโปรแกรมพิเศษคือไปดูดาวกัน ซึ่งที่คุ้มหม่อมไฉไลจะมีลานให้ดูดาว หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ประมาณหนึ่งทุ่ม พวกเราก็เดินไปลานดูดาวกัน แต่ทางคุ้มหม่อมไฉไลก็มีรถรับส่งให้ด้วย เมื่อไปถึงลานดูดาว ก็พบว่าทางคุ้มหม่อมไฉไลได้เตรียมการให้พวกเราอย่างดี มีทั้งเครื่องดื่มร้อน ๆ และมีเตียงพับให้นอนดูดาวอย่างสบาย แต่เนื่องจากจำนวนคนมีมากกว่าเตียง ดังนั้นจึงต้องสลับกันนอน ในคืนวันอาทิตย์ ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ทำให้ผมนึกถึงเด็กกรุงเทพว่าไม่มีโอกาสได้เห็นดาวอย่างนี้ เพราะในเมืองกรุงมีแต่แสงไฟและหมอกควันทำให้บดบังท้องฟ้า ในขณะที่ชนบทไม่มีแสงไฟหรือหมอกควัน ทำให้ท้องฟ้าได้เปิดเผยความงามได้อย่างเต็มที่ อ้อ ! ผมยังเพิ่งทราบว่า มีท่ารับพลังจากดวงดาวเข้าทางจุดฮุ่ยอินด้วย ถ้าจุดฮุ่ยอินของใครยังไม่เปิดหรืออยากทราบว่าทำอย่างไร ลองสอบถามสมาชิกที่ไปดูดาวนะครับ
พวกเราดูดาวประมาณสักครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้ว ก็กลับไปฝึกเสี่ยวโจวเทียนรอบดึกกันต่อ แต่คืนนี้ฝึกถึงประมาณเที่ยงคืนกว่าเท่านั้น ก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อน
ในวันจันทร์เช้า เหล่าซือก็ทบทวนเนื้อหาเสี่ยวโจวเทียนอีกครั้ง และบอกว่าได้จองคุ้มหม่อมไฉไลที่กาญจนบุรีไว้แล้วในช่วงระหว่างวันที่ 20-22 ธันวาคม 2552 เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการฝึกเสี่ยวโจวเทียนมาก จากนั้นก็ทานอาหารกลางวัน และเดินทางกลับกรุงเทพ
ผมประทับใจเสี่ยวโจวเทียนสัญจรครั้งนี้มากครับ ได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายคน ได้ฝึกเสี่ยวโจวเทียนอย่างจริงจัง และได้รับความรู้จากเหล่าซืออย่างเต็มที่ ดังนั้นผมจึงอยากบอกสมาชิกทุกท่านว่า ถ้ามีการฝึกชี่กงนอกสถานที่ อยากให้เพื่อนสมาชิกไปร่วมกัน เพื่อจะได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ
ในวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม ผมได้นัดกับคุณสมพิชัยเพื่อเดินทางไปคุ้มหม่อมไฉไล จังหวัดกาญจนบุรี โดยขับรถไปกันเอง เนื่องจากที่นั่งในรถบัสเต็มไปหมดแล้ว พวกเราได้ไปถึงสถานที่ประมาณบ่ายโมงกว่า ก็พบว่ารถบัสใหญ่ก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน และทานอาหารกลางวันกันเสร็จเกือบหมดแล้ว พวกผมสองคนจึงเข้าไปทานอาหารกลางวัน ซึ่งบรรยากาศของคุ้มหม่อมไฉไลร่มรื่นมาก มีสภาพเป็นป่า และช่วงนั้นอากาศเย็นสบายมาก
หลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ผมก็ไปรับกุญแจห้อง ปรากฏว่า ห้องของผมสองคนอยู่ไกลที่สุด ต้องเดินขึ้นไปบนเขา แต่ห้องพักของเราก็น่าอยู่มาก ระหว่างนั้น พวกเราก็เดินสำรวจห้องของแต่ละคน ก็พบว่าห้องของแต่ละคนจะมีรูปแบบไม่เหมือนกันเลย แต่ก็ร่มรื่นน่าอยู่
ในช่วงบ่าย พวกเราก็เข้าห้องเรียนเป็นเด็กนักเรียนของเหล่าซือ ผมสังเกตว่ามีผู้ที่เข้าอบรมครั้งนี้ประมาณ 70-80 คน และเคยถามคุณกิ๊บก่อนหน้านี้ ก็ได้ทราบว่าเราได้เหมาจองห้องพักทั้งหมดไว้ ดังนั้นที่คุ้มหม่อมไฉไลจะมีแต่พวกเราเท่านั้น จากนั้นเหล่าซือก็ได้สอนเสี่ยวโจวเทียนในขั้นต่าง ๆ พักทานอาหารว่าง เรียนต่อ และทานอาหารเย็น โดยเหล่าซือนัดพวกเราให้มานั่งฝึกเสี่ยวโจวเทียนตอนกลางคืน ซึ่งในคืนวันเสาร์ พวกเราก็นั่งตั้งแต่ห้าทุ่มจนถึงประมาณตีหนึ่ง นี่เป็นการนั่งสมาธิเสี่ยวโจวเทียนที่นานที่สุดและดึกที่สุดเท่าที่ผมเคยนั่ง หลังจากเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้น(วันอาทิตย์) ทั้งผมและคุณสมพิชัยต่างตื่นสายโดยมิได้นัดหมาย เพราะเราต่างคิดว่า ควรพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อจะได้ฝึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรากฏว่า เมื่อเดินเข้าไปในห้องเรียนประมาณ 10 โมงกว่า ทุกคนเลยทราบว่าทั้งคุณสมพิชัยและผมต่างมาสายทั้งคู่ แฮะ แฮะ ไม่เป็นไรครับ จากนั้นก็เรียนและฝึกเหมือนเดิม โดยวันนี้อาหารว่างพิเศษคือบัวลอย ซึ่งบัวลอยของที่นี่อร่อยมากครับ ทุกคนต่างติดใจกันทั้งนั้น ระหว่างที่ทานอาหารว่าง พวกเราก็คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน หรือทำความรู้จักกัน ผมยังไม่เคยพบหลายท่านมาก่อน ก็เลยทราบว่าท่านเหล่านั้นเรียนเสี่ยวโจวเทียนในวันอังคารเช้า เพราะผมเรียนเสี่ยวโจวเทียนในวันอังคารเย็น
ในเย็นวันอาทิตย์นี้ มีโปรแกรมพิเศษคือไปดูดาวกัน ซึ่งที่คุ้มหม่อมไฉไลจะมีลานให้ดูดาว หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ประมาณหนึ่งทุ่ม พวกเราก็เดินไปลานดูดาวกัน แต่ทางคุ้มหม่อมไฉไลก็มีรถรับส่งให้ด้วย เมื่อไปถึงลานดูดาว ก็พบว่าทางคุ้มหม่อมไฉไลได้เตรียมการให้พวกเราอย่างดี มีทั้งเครื่องดื่มร้อน ๆ และมีเตียงพับให้นอนดูดาวอย่างสบาย แต่เนื่องจากจำนวนคนมีมากกว่าเตียง ดังนั้นจึงต้องสลับกันนอน ในคืนวันอาทิตย์ ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ทำให้ผมนึกถึงเด็กกรุงเทพว่าไม่มีโอกาสได้เห็นดาวอย่างนี้ เพราะในเมืองกรุงมีแต่แสงไฟและหมอกควันทำให้บดบังท้องฟ้า ในขณะที่ชนบทไม่มีแสงไฟหรือหมอกควัน ทำให้ท้องฟ้าได้เปิดเผยความงามได้อย่างเต็มที่ อ้อ ! ผมยังเพิ่งทราบว่า มีท่ารับพลังจากดวงดาวเข้าทางจุดฮุ่ยอินด้วย ถ้าจุดฮุ่ยอินของใครยังไม่เปิดหรืออยากทราบว่าทำอย่างไร ลองสอบถามสมาชิกที่ไปดูดาวนะครับ
พวกเราดูดาวประมาณสักครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้ว ก็กลับไปฝึกเสี่ยวโจวเทียนรอบดึกกันต่อ แต่คืนนี้ฝึกถึงประมาณเที่ยงคืนกว่าเท่านั้น ก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อน
ในวันจันทร์เช้า เหล่าซือก็ทบทวนเนื้อหาเสี่ยวโจวเทียนอีกครั้ง และบอกว่าได้จองคุ้มหม่อมไฉไลที่กาญจนบุรีไว้แล้วในช่วงระหว่างวันที่ 20-22 ธันวาคม 2552 เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการฝึกเสี่ยวโจวเทียนมาก จากนั้นก็ทานอาหารกลางวัน และเดินทางกลับกรุงเทพ
ผมประทับใจเสี่ยวโจวเทียนสัญจรครั้งนี้มากครับ ได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายคน ได้ฝึกเสี่ยวโจวเทียนอย่างจริงจัง และได้รับความรู้จากเหล่าซืออย่างเต็มที่ ดังนั้นผมจึงอยากบอกสมาชิกทุกท่านว่า ถ้ามีการฝึกชี่กงนอกสถานที่ อยากให้เพื่อนสมาชิกไปร่วมกัน เพื่อจะได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)