21 มกราคม 2552

ประเดิม blog ครั้งแรก

หลังจากที่อ่าน blog ของนิสิต โดยบังคับให้ทำเป็นงานส่งประจำเทอมในวิชา Innovative Thinking และ Hack Your Mind แล้ว ในที่สุดผมก็คันมืออยากเขียน blog ของตัวเองบ้างแล้ว เพื่อเป็นบันทึกของตัวเองในด้านต่างๆ จะได้ทบทวนประสบการณ์ตัวเองและแบ่งให้คนอื่นอ่านด้วย

เริ่มต้นด้วยวันอังคารที่ 20 มกราคม 2552 อาจารย์ศุภวรรณ กรีน กลับประเทศอังกฤษ โดยเครื่องบินออกประมาณบ่ายโมงครึ่ง ผมก็ไปถึงคอนโดฯ ของอาจารย์ 9 โมงเช้า แต่กว่าจะออกจากคอนโดฯ ก็ 10 โมง โดยมีพี่เอก น้องทราย พี่แจง น้องจ๊อบ น้องจั๊ก และคุณพ่อพี่เอก รวมกันที่คอนโดฯ แล้วไปสุวรรณภูมิกัน ส่วนน้องปุ้มไปเจอกันที่สนามบินเลย

ตอนไป check-in พี่แจงชี้ให้เห็นคุณแม่ลิเดีย(นักร้องด้วย) น้องจ๊อบพูดเล่นว่า น่าจะไปขอลายเซ็นซะหน่อย จากนั้นพวกเราก็ไปทานอาหารเที่ยงกันที่ S&P แล้ว ผมสั่งข้าวกล้องงอกผัดกระเพาไก่ อร่อยจัง จะต้องหาข้างกล้องงอกมาทานที่บ้านบ้างซะแล้ว

เที่ยงครึ่งพวกเราก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันก่อนพี่ศุภวรรณจะเข้าไปข้างใน จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ ผมก็ติดรถพี่แจงมาลงที่ MRT แล้วก็กลับมาที่จุฬาฯ

ตอนเย็น ก็ไปเรียนหลักสูตรเสี่ยวโจวเทียน ภาษาไทยเรียกว่า วงโคจรสวรรค์น้อย หรือวงโคจรจักรวาลน้อย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Small Universe หรือ Small Circulation กับอาจารย์หยาง เผย เซินที่ถนนทรัพย์ (โชคดีที่ใกล้จุฬาฯมาก ผมเดินไป 15 นาทีก็ถึง) ซึ่งถือว่าเป็นวิชาสุดยอดชี่กงและเป็นวิชาลับของลัทธิเต๋า เหล่าซือหรืออาจารย์ของผมได้รับการถ่ายทอดจากสำนักของคิวชู่กี (ถ้าใครอ่านมังกรหยก คงรู้จัก สำนักช้วนจินมีตัวตนจริงๆ ครับ กิมย้งเอาตัวบุคคลที่มีตัวตนจริงมาใส่ในเรื่อง ขนาดอิ่มจี้เพ้ง ที่ปล้ำเซียวเล้งนึ้งในมังกรหยกภาค 2 ยังมีตัวตนจริงเลย ใครที่สนใจ แนะนำให้อ่านหนังสือชื่อ "สกัดจุดยุทธจักรมังกรหยก" ครับ )

เสี่ยวโจวเทียนเป็นวิชานั่งสมาธิแบบเต๋าอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นการเดินลมปราณผ่านเส้นประสาทต๊ก(ข้างหลัง)และหยิม(ข้างหน้า)ปลอดโปร่ง ปกติวิชาชี่กงธรรมดาจะทำให้แก่ช้า สุขภาพแข็งแรงเท่านั้น ส่วนเสี่ยวโจวเทียนเป็นวิชาเดียวที่ถ้าฝึกผ่านขั้น 5 ได้แล้ว จะสามารถย้อนอายุ (Reverse Aging) ได้ และถ้ายิ่งฝึกระดับสูงเรื่อย ๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ ดังนั้นจัดเป็นวิชาสมถะหรืออภิญญาอย่างหนึ่ง

ตอนนี้วงการแพทย์กำลังตื่นเต้นกับ Stem Cell มีน้องคนหนึ่งที่เรียนเสี่ยวโจวเทียนและทำวิจัยด้านนี้บอกว่า เสี่ยวโจวเทียนเป็นการกระตุ้น stem cell อย่างหนึ่งด้วย ที่อินเดียมีวิชากุณฑาลินี โยคะ (Kundalini Yoga) ซึ่งเปรียบเทียบว่าร่างกายมนุษย์มีพลังงานแฝงเร้นเหมือนงูขดตัวอยู่ที่ข้างหลัง การฝึกกุณฑาลินี โยคะเป็นการปลุกพลังงานนี้ให้ตื่นขึ้นมา จะเห็นว่าหลักการคล้ายคลึงกับเสี่ยวโจวเทียนมากครับ

วันนี้เหล่าซือได้ถ่ายทอดเคล็ดลับบางอย่าง ซึ่งคงไม่สามารถเขียนลงในหนังสือได้แน่ๆ เหล่าซือบอกว่าพวกเราโชคดีหรือมีบุญมากที่ได้เรียนวิชานี้ คนจีนถือว่า การที่จะได้เรียนวิชาชั้นสูงนั้น จะต้องประกอบด้วยปัจจัยสี่อย่างพร้อมกัน

1. มีอาจารย์สอน สำคัญที่สุด
2. มีวิธีการที่ถูกต้อง
3. มีเงิน (หลักสูตรเสี่ยวโจวเทียนนี้ ค่าเรียนแค่ 5 หมื่นบาทเอง) ดังนั้นใครที่ไม่มีเงิน คงเรียนไม่ได้แน่ คนจีนถือว่าการมีเงินจัดว่าเป็นบุญอย่างหนึ่ง
4. มีเวลาและพร้อมฝึก หลายคนมีเงินมาก 5 หมื่นบาทถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก แต่ไม่มีเวลาในการฝึก ก็ยังถือว่าไม่พร้อม



ฟังแล้ว รู้สึกว่าโชคดีจังที่ได้มีโอกาสเรียนวิชาลึกซึ้งนี้ ตอนนี้พยายามนั่งสมาธิวันละ 2 ชั่วโมง ตอนเช้ากับก่อนนอนครั้งละ 1 ชั่วโมง เพราะเรียนมา 2 ครั้งแล้ว ยังไม่ผ่านเลย อย่างน้อยก็ต้องฝึกวันละ 1 ชั่วโมง เพราะเหล่าซือบอกว่าต้องขยันฝึกจึงจะผ่าน

วิชาเสี่ยวโจวเทียนแบ่งออกเป็นหลายระดับ ตอนนี้เหล่าซือสอนถึงขั้นห้า ซึ่งมหัศจรรย์พันลึกมาก และมีลูกศิษย์หลายคนฝึกผ่านแล้วด้วย มีพี่คนหนึ่งอายุ 60 กว่าก็ฝึกขั้นห้าได้สำเร็จ แต่ใครที่ฝึกผ่านขั้นสามได้ ก็คุ้มห้าหมื่นบาทแล้ว เพราะถ้าฝึกขั้นสามผ่าน เวลาชี่ผ่านบริเวณไตข้างหลัง จะรู้สึกร้อนบริเวณไตมาก ทำให้ไตแข็งแรง เพราะเป็นการเพิ่มพลังหยางให้แก่ไต ใครที่ไตอ่อนแอ เช่น ปัสสาวะบ่อย เวียนหัวง่าย เมื่อฝึกผ่านขั้นสามแล้ว ไตจะทำงานแข็งแรงดีขึ้น แต่ถ้าไม่ฝึก ต่อให้มีเงินสิบล้าน ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องฝึกฝนเอาเองครับ

ครั้งแรกกำลังภายในของเราไม่ถึงขั้น เลยฝึกไม่สำเร็จ ยังไม่ผ่านขั้นที่สาม เรียนครั้งที่สองต้นปีที่แล้ว ก็ยุ่งกับงานแต่งงาน ก็ฝึกไม่สำเร็จอีก ครั้งนี้ตั้งใจมุ่งมั่นเต็มที่ ตอนนี้ผ่านขั้นสามแล้ว หวังว่าคงจะฝึกขั้นสี่ได้สำเร็จสมบูรณ์เร็วๆ นี้

2 ความคิดเห็น:

  1. น่าสนใจครับ ทีนี้อาจารย์ก็บอกนิสิตได้เต็มปากนะครับว่า ไม่ใช่เพียงแต่สั่งให้พวกเขาทำ อาจารย์ก็ทำเป็นตัวอย่างด้วย

    ใช้หัวเล่น ๑ เข้าโรงพิมพืแล้วครับ สิ้นเดือนนี้อาจารย์คงได้เห็น
    เสร็จแล้วจะรีบส่งไปให้อาจารยื "ใช้หัวเล่น" ครับ
    ผมเชิญอาจารย์เป็นที่ปรึกษาของหนังสือด้วยนะครับ
    เล่มสองก็จะลง Palindrome ที่อาจาย์จุดชนวนไว้ครับ

    ผนเพิ่งกลับจากตราด ไปช่วยน้อง ๆ เขาทำโครงการ "ตราดเมื่อน่าอยู่"
    ขาไประหว่างนั่งรถก็มองป้ายสองข้างทางแล้วพยายามหาคำ Palindrome ได้มาหลายคำเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้หาความหมายหรือตรวจสอบนะครับ เช่น
    นางงาน / นายยาน /สามมาส / การราก / กองงอก / มารราม /พลลพ / ตากกาต /
    ก็ถือว่าเป็นของฝากการเมืองตราดก็แล้วกันนะครับ

    เอาใจช่วยและจะติดตามอ่านเสมอ ๆ ครับ

    ด้วยมิตรภาพ
    ธัญญา ผลอนันต์

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณอาจารย์ธัญญามากครับที่ comment เป็นคนแรก

    ผมก็มีข่าวดีเช่นกัน ซอฟต์แวร์เพื่อเตรียมตัวแข่งขัน Thailand Open Memory Championship ใกล้เสร็จแล้ว และยังมีซอฟต์แวร์ Brain Spa version 1 ซึ่งรวบรวมเกมฝึกสมองหลายชนิด ก็ใกล้เสร็จแล้วเช่นกัน ทั้งสองโปรแกรมนี้จะเผยแพร่เป็นโปรแกรมสาธารณะครับ

    ผมจะ update ความคืบหน้าเรื่อย ๆ ใน blog นี้ครับ

    ตอบลบ